วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559

วิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ต

วิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ต

- วิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ต




ในสมัยแรก ๆ อินเตอร์เน็ตได้ถูกใช้ในหมู่นักวิจัยเท่านั้น การใช้งานค่อนข้างยาก ต้องพิมพ์คำสั่งยาวๆ ไม่มีรูปภาพสวยงามเหมือนในปัจจุบัน บริการที่นิยมใช้กันในสมัยนั้นได้แก่ จดหมายอิเล็กทรอนิคส์  แหล่งพูดคุย  การเข้าใช้เครื่องที่อยู่ระยะไกล การใช้งานฐานข้อมูลระยะไกลและ Veronica และใช้ในการส่งไฟล์ระหว่างหน่วยงานรัฐ บริษัท และมหาวิทยาลัย
            อินเตอร์เน็ตยุคใหม่ ที่มีรูปภาพสวยงามและใช้งานง่าย เพิ่งกำเนิดขึ้นมาในปี 2534 นี้เอง บริการแรกที่ถูกเปลี่ยนมาใช้ในแบบนี้ คือ WWW (World Wide Web) ซึ่งได้กลายมาเป็นบริการหลักของอินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน



- ระบบอินเทอร์เน็ตของประเทศไทย



โครงสร้างของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย (พ.ย. 2545) ปัจจุบันประกอบด้วย ISP 18 ราย และผู้ให้บริการแบบไม่หวังผลกำไรอีก 4 ราย แต่มีรูปแบบช่องรับ/ส่งสัญญาณที่แตกต่างกันออกไป   ทั้งนี้ ISP ทุกราย (ทั้งเชิงพาณิชย์และไม่หวังผลกำไร) จะต้องเช่าช่องสัญญาณจากจากผู้ให้บริการวงจรสื่อสารอีกต่อหนึ่ง โดยแบ่งเป็น
            ช่องสัญญาณการเชื่อมต่อภายในประเทศ - ISP สามารถเลือกเช่าช่องสัญญาณได้โดยเสรี ทั้งจาก ทศท.กสท., TelecomAsia, DataNet โดยวงจรของทุกราย จะเชื่อมต่อกับจุดแลกเปลี่ยนสัญญาณภายในประเทศ เพื่อความรวดเร็วในการแลกเปลี่ยนข้อมูล นั่นคือ การติดต่อสื่อสารระหว่างคู่สื่อสารในประเทศไทย สามารถทำได้สะดวก ไม่ว่าคู่สื่อสารนั้น จะใช้บริการของ ISP รายใดก็ตาม ทั้งนี้จุดแลกเปลี่ยนในปัจจุบันได้แก่ IIR  ของเนคเทคและ NIX ของ กสท.




- ยุคสมัยของอินเทอร์เน็ต



1) Internet 1.0
ยุคแรกเป็น ยุคของการเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างบุคคล (Human-to-Human Communication) ในยุคนี้พัฒนาการของอินเตอร์เน็ตจะเป็นเพื่อการสื่อสารระหว่างบุคคลที่ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต เทคโนโลยีที่สำคัญที่พัฒนาใช้งานกับอินเตอร์เน็ตเพื่อการสื่อสารในยุคนี้ได้แก่ อีเมล (Email) และ ยูสเน็ต (UseNet)
อีเมลเป็นเทคโนโลยีที่ยังมีการใช้งานในปัจจุบัน นอกจากการสื่อสารระหว่างบุคคลแล้วอีเมลได้มีการประยุกต์ใช้เพื่อการสื่อสารระหว่างบุคคลกับกลุ่มบุคคล (Human-to-Community Communication) ด้วย เทคโนโลยีเพื่อการนี้เรียกว่า เมลลิ่งลิสต์ (Mailing List) ซึ่งก็ยังมีการใช้งานอยู่เช่นกัน
ส่วน UseNet ได้รับความนิยมลดน้อยลง แต่ก็ยังมีการใช้งานอยู่อย่างสม่ำเสมอจากผู้ใช้ที่ใช้งานมาตั้งแต่ในอดีต ผู้ให้บริการ UseNet รายสำคัญในปัจจุบันคือ Google ภายใต้ชื่อ Google Groups นั่นเอง

2) Internet 2.0
ยุคต่อมาเป็น ยุคของการเชื่อมต่อเพื่อสื่อสารระหว่างบุคคลกับคอมพิวเตอร์ (Human-to-Computer Communication) เทคโนโลยีสำคัญที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตในยุคนี้ได้แก่ เว็บ (Web หรือ World Wide Web) เว็บเปิดโอกาสให้บุคคลสามารถเข้าใช้คอมพิวเตอร์เพื่อทำงานใดงานหนึ่งจากระยะไกลได้ผ่านกระบวนการใช้งานที่เป็นมาตราฐานเดียวกัน
ก่อนหน้าเทคโนโลยีเว็บ การใช้งานคอมพิวเตอร์จากระยะไกลจะเป็นการใช้งาน “เครื่องคอมพิวเตอร์” เพื่อทำงาน ด้วยเทคโนโลยีเว็บทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์จากระยะไกลเป็นการใช้งาน “ระบบงาน” เพื่อทำงาน
อธิบายในรายละเอียดของความแตกต่างดังกล่าวจะได้ว่า ในอดีตผู้ใช้ต้องใช้โปรแกรมจำลองหน้าจอเพื่อเข้าใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งแล้วใช้โปรแกรมในเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นทำงาน ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตยุคแรกๆ ของ ม.สงขลานครินทร์จะจำได้ว่าต้อง “telnet” มาใช้เครื่อง “ratree.psu.ac.th” เพื่อใช้ “pine” ในการรับส่งอีเมลเป็นต้น
นอกจากนี้เว็บยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้ใช้วิธีการใช้งานเดียวกันนั้น (ผ่าน Web Browser) เพื่อใช้ “ระบบงาน” อาทิเช่น “ระบบสารสนเทศบุคลากร ม.สงขลานครินทร์” ที่ http://dss.psu.ac.th/ “ระบบธนาคารไทยพาณิชย์” ที่ http://www.scbeasy.com ระบบสั่งซื้อสินค้า ที่ http://amazon.com/ เป็นต้น
สังเกตว่าผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรู้ “ที่อยู่เครื่องคอมพิวเตอร์” เพียงแต่รู้ “ที่อยู่ของระบบงาน” เท่านั้น แม้ว่าที่อยู่ของเครื่องจะแฝงอยู่ในที่อยู่ของระบบงานแต่ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยหลัก อาทิเช่น http://www.scb.co.th และ http://www.scbeasy.com ต่างเป็นที่อยู่ของระบบงานที่อาจอยู่ในเครื่องเดียวกัน อยู่คนละเครื่องแต่อยู่ในระบบเครือข่ายเดียวกัน หรืออยู่ต่างเครือข่าย ก็ไม่มีความจำเป็นที่ผู้ใช้จะต้องรู้
กล่าวโดยสรุปคือในมุมมองเชิงแนวความคิด (Conceptual Prospective) แล้ว เว็บทำให้การใช้งานอินเตอร์เน็ตเปลี่ยนจากการอยู่บนพื้นฐานของ “เครื่อง” เป็น “ระบบ”

3) Internet 3.0
ยุคที่สามของอินเตอร์เน็ตเป็นยุคที่เรากำลังจะก้าวไปสู่เป็น ยุคของการสื่อสารเพื่อการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์ (Computer-to-Computer Communication) รายละเอียดในเชิงแนวความคิดของยุคนี้เป็นเรื่องราวที่ต้องทำความเข้าใจกันมากทีเดียว เนื่องจากยุคนี้ “ยังมาไม่ถึง” และจะเป็นยุคที่สำคัญมากของการใช้งานอินเตอร์เน็ตเพื่อประโยชน์แก่มนุษยชาติทีเดียว
เมื่อกล่าวว่าเป็นการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์เป็นในยุคที่สาม ผู้อ่านอาจสงสัยว่าคอมพิวเตอร์ก็ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อยู่แล้วเพื่อให้เกิดอินเตอร์เน็ตไม่ใช่หรือ ทำไมพึ่งมาเชื่อมเอาในยุคที่สาม?
“การเชื่อมต่อ” ในบทความนี้ที่กล่าวมาเป็นการกล่าวถึงการเชื่อมต่อในระดับของสารสนเทศ (Information) ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อในระดับที่สูงกว่าใน “การรับรู้ความหมาย” กว่าการเชื่อมต่อเพื่อการส่งผ่านข้อมูล (Data Communication)
ในยุคที่สามนี้จะเป็นยุคที่ “ระบบงาน” จะติดต่อสื่อสารกันเพื่อให้สารสนเทศซึ่งกันและกันเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้ กล่าวคือในมุมมองเชิงแนวความคิด (Conceptual Prospective) แล้ว ในยุคนี้ “ระบบงาน” จะให้ “บริการ” สารสนเทศของตนแก่ระบบงานอื่นๆ และใช้บริการสารสนเทศจากระบบงานอื่นๆ เพื่อประกอบเป็นบริการของตนให้แก่ผู้ใช้

4) Web 2.0
จะเห็นได้ว่าในยุคที่สามนี้จะมีการกล่าวถึง “บริการ” ระหว่างกันและในการติดต่อสื่อสารของข้อมูลในระบบนี้ก็ยังผ่านเทคโนโลยีพื้นฐานบางอย่างของเว็บ ดังนั้นนักการตลาดของหลายบริษัทจึงใช้คำว่า “Web Services” แทนความหมายของยุคที่สามนี้ ในขณะนี้ศัพท์ที่เป็นที่นิยมอีกคำหนึ่งที่จะแทนความหมายของยุคนี้คือ “Web 2.0” (ควรอ่านว่า Web Two Point Oh อย่าอ่านว่าเว็บสองจุดศูนย์) ขอให้ผู้อ่านเข้าใจว่าศัพท์เหล่านี้เป็นศัพท์กว้างๆ เพื่อความหมายเชิงการตลาดมากกว่าที่จะมีความหมายเชิงเทคโนโลยี
ในยุคที่สามของอินเตอร์เน็ตนั้นถือได้ว่าเป็นยุคที่สองของเว็บ ความหมายของยุคที่สองของเว็บได้มีผู้อธิบายไว้หลากหลาย แต่ยุคที่สองของเว็บจะอธิบายได้ชัดเจนต้องอธิบายด้วยการนำสถานะของผู้ใช้และการเข้าถึงข้อมูลเป็นตัวตั้ง
ในคำอธิบายในสถานะของผู้ใช้นั้น ในยุคแรกของเว็บจะเป็นยุค “เว็บเพื่ออ่านอย่างเดียว” (Read-Only Web) ในยุคนี้ผู้อ่านและผู้เขียนจะแยกกันอย่างชัดเจน คนเขียนจะมีหน้าที่เขียนส่วนคนอ่านจะมีหน้าที่อ่าน ไม่ปะปนกัน ส่วนในยุคที่สองจะเป็นยุค “เว็บเพื่อการอ่านและเขียน” (Read-Write Web) ในยุคนี้ผู้อ่านและผู้เขียนจะเป็นบุคคลเดียวกัน
ส่วนคำอธิบายว่าด้วยการเข้าถึงข้อมูลนั้น ในยุคแรกเว็บจะมี “Site” เป็นเว็บไซต์ (Web Site) นั่นคือสารสนเทศจะมีที่อยู่ที่แน่นอน แต่ในยุคที่สองเว็บจะไม่มี “Site” อีกต่อไป สารสนเทศจะเกิดการแลกเปลี่ยนกันโดยระบบงานเพื่อไปหาผู้ใช้ กล่าวอีกมุมหนึ่งคือ ในยุคแรกผู้ใช้ต้อง “ไปหา” สารสนเทศ แต่ยุคที่สองสารสนเทศจะ “มาหา” ผู้ใช้นั่นเอง

5) Outlook from Thailand
ในขณะนี้อินเตอร์เน็ตกำลังก้าวสู่ยุคที่สาม และเว็บซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุคของอินเตอร์เน็ตนั้นก็กำลังก้าวสู่ยุคที่สอง ความหวังของเราในฐานะนักพัฒนาซอฟท์แวร์ในประเทศไทยคือเราจะได้เป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีที่เป็นส่วนหนึ่งของยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ นำพาประเทศไทยให้ปรากฎในแผนที่โลกว่าเราก็เป็นหนึ่งใน “ผู้ให้” เทคโนโลยีแก่ชาวโลกเช่นเดียวกัน


- บริการต่างๆในอินเทอร์เน็ต

1. บริการด้านการสื่อสาร     

- ไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail)                                                                                                 

                                                                             
- สนทนาแบบออนไลน์
       

Newsgroup



- Telnet



FTP 



2. บริการค้นหาข้อมูลต่าง




อินเตอร์เนต World Wide Web เป็นบริการที่แพร่หลายและขยายตัวเร็วที่สุด เราสามารถที่จะไปดูข้อมูลต่างๆ ได้ ทั่วโลก เช่น ซึ่งปัจจุบันมีการผนวก รูปภาพ เสียง ภาพ เคลื่อนไหว ที่ เราเรียกว่าเป็นแบบ มัลติมีเดีย ได้ และ สามารถเชื่อมโยงไปยังเอกสารหรือข้อมูลอื่นๆได้โดยตรง




 - Gopher เป็นบริการค้นหาข้อมูลแบบตามลำดับขั้น ซึ่งมีเมนูให้ใช้งานได้สะดวก ลักษณะการใช้งานจะคล้ายคลึงกับ ส่วนของ World Wide Web โดยผู้ใช้สามารถเลือกเข้าไปดูตามหัวข้อที่มีอยู่ลึกลงไปได้อีกแต่ข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นในเชิงวิทยาศาสตร์และการวิจัย





- คำศัพท์ต่างๆเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต

Browser : โปรแกรมที่มีไว้สำหรับชมข่าวสารต่างๆ หรือที่เรารู้จักกันในระบบ WWW บนอินเตอร์เน็ต เนื่องจากข้อมูลที่มาจากเครือข่ายนั้น เป็นเพียงไฟล์ภาษา HTML และไฟล์ต่างๆ ที่ยังไม่ได้รับการประมวลผล ฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องผ่าน โปรแกรม เบราเซอร์ นี้เสียก่อน ท่านจึงจะสามารถชม เว็บไซต์ต่างๆ บนอินเตอร์เน็ตได้ ตัวอย่าง ของเว็บเบราเซอร์ยอดนิยมก็คือ Internet Explorer , Netscape Communicator , Opera , Neoplanet

Client : คือ คอมพิวเตอร์ ตัวลูก หรือคอมพิวเตอร์ในส่วนของผู้ใช้บริการที่มีการ เชื่อมต่อกับ เครื่องคอมพิวเตอร์อีกตัวหนึ่งที่เรียกกันว่า ตัวแม่ ( Server Host ) หรือ คอมพิวเตอร์ ผู้ให้บริการ ในส่วนของ อินเตอร์เนต คือ คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในบ้าน หรือว่า สำนักงาน ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ตัวแม่ ที่ศูนย์ของผู้ให้บริการ อินเตอร์เนต ( ISP )

DNS Domain Name Server ) : โดยมากหมายถึง ชื่อหรือว่ารหัสของ ศูนย์คอมพิวเตอร์ ของผู้ที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต เช่น www.ksc.net เป็นต้น ครับ

Download : คือการโอนย้ายไฟล์มาจากที่หนึ่งไปอีกทีหนึ่ง เช่น การโอนไฟล์หรือว่าข้อมูลมาจาก อินเตอร์เน็ต หรือว่า จาก คอมพิวเตอร์ เครื่องอื่นๆ เข้ามาบันทึกเอาไว้ในเครื่อง คอมพิวเตอร์ของเรา 

E-Mail ( Electronic Mail ) : การส่งข้อความหรือว่าเอกสารต่างๆ ผ่านระบบ หรือว่าเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ในรูปแบบที่คล้ายกับการส่งจดหมาย หรือว่า พัสดุภัณฑ์ โดยที่จะ ประหยัดค่าใช้จ่าย และ ประหยัดเวลา หากต้องส่งไปยังที่ไกลๆ หรือว่ายังต่างประเทศ

Freeware : คำนี้ มันจะเห็นในเวบของเรากันบ่อยนะครับ จริงๆแล้วมันคือ โปรแกรมที่ท่าน ดาวน์โหลด ไปแล้วไม่เสียเงินนั่นเอง

Homepage : หน้าแรกสุดของเว็บไซต์ต่างๆ ประหนึ่งห้องรับแขก หรือว่า ห้องแรกในบ้านหรือเว็บไซต์ นั้นๆ กล่าวคือ เมื่อเราเรียกชื่อเวบต่างๆ ขึ้นมาชม หน้าแรกที่คุณพบนั้นคือ โฮมเพจ นั่นเอง

Internet : คือ ระบบเครือข่ายที่ใหญ่มากๆ ประกอบไปด้วยข่าวสารข้อมูลต่างๆ ภาพ แสง สี เสียง ฯลฯ เกาะกลุ่มกันอยู่ในเครือข่าย อินเตอร์เน็ต ซึ่งเชื่อมโยงกันอยู่ทั่วโลก ให้พวกเราค้นคว้ากันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

Server : มีความหมายคล้ายกับ Host เพียงแต่ Server จะหมายถึง คอมพิวเตอร์ ตัวแม่ ที่เชื่อมเครือข่ายกับคอมพิวเตอร์ ตัวลูก ในลักษณะส่วนตัวหรือว่าระบบที่แคบกว่า Host

World Wide Web หรือเรียกย่อ ๆ ว่า WWW เป็นระบบการสืบค้นข้อมูล ข่าวสาร ซึ่งจัดได้ว่าเป็นบริการ ที่ได้รับความนิยมที่สุด และการขยายตัว ของบริการชนิดนี้ก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าสู่บริการเรียก ค้นข้อมูล World Wide Web แล้ว ผู้ใช้จะได้รับข่าวสารที่แสดงใน แบบสื่อผสม (Multimedia) ประกอบด้วยรูปภาพเสียง,ภาพเคลื่อนไหวหรือวิดีโอ,ตัวอักษรข้อความ Hypertext ทำให้การ ใช้บริการง่ายขึ้น แต่ส่วนที่ สำคัญอีก 2 ส่วน ในการใช้บริการ World Wide Web ก็คือตัว โปรแกรมที่เรียกว่า browser หรือ Web browser และแหล่งข้อมูลหรือWeb Site ที่จะคอยให้บริการแก่ผู้ใช้

Web Site หรือ Web Server ก็คือ ระบบคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการเรียกค้นข้อมูลแบบหนึ่งในอินเตอร์เน็ต ถ้าอธิบาย
ง่าย ๆ Web Site ก็คือ สถานที่ที่เก็บข้อมูลซึ่งข้อมูลที่เก็บอยู่ใน Web Site จะอยู่ในรูปของเอกสาร HTMLเป็นข้อมูลแบบ มัลติมิเดียที่มีทั้งตัวอักษร ข้อความ รูปภาพเสียง หรือแม้กระทั่งภาพเคลื่อนไหว แบบวิดีโอซึ่งเราเรียก เอกสารดังกล่าวว่า Home page หรือ Web page

Web Browser ก็คือ โปรแกรมพิเศษที่เราต้องอาศัยมันเพื่อที่จะเรียกค้นข้อมูลขึ้นมา

Hypertext คือ ตัวอักษร ข้อความที่มี การเชื่อมโยง ถึงกันได้ ข้อความที่เป็น Hypertext สังเกตได้จาก ถ้าเราชี้ไปที่ ข้อความ แล้วปรากฎ รูปมือขึ้นมา แสดงว่าเราสามารถที่จะ link เข้าไปดูข้อมูลได้อีก





ขอขอบคุณ : http://www.nr.ac.th/learning/internetforweb/Learning13.html

                     https://www.gotoknow.org/posts/9194

                     http://aomnun.blogspot.com/2010/04/test.html




















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น